Vipp.vip ขอบอกทุกท่านว่าseoไม่ได้ยากอย่างที่คิด พวกเด็กใหม่มีทำถูกแต่ไม่เข้าใจgoogle สรุปทำตามสูตรสำเร็จคือ การทำทุกอย่าง ลิงค์ภายในสำคัญที่สุดในตอนนี้2023 บทความเราตรวจสอบทางgoogle ถ้าไม่ขึ้นสีแดงก็ใช้ได้ ทำเว็บเดียวไม่ชนะ แต่เราทำเว็บที่มีลิงค์ภายใน1000ลิงค์ขึ้นไป ทำแบบนี้เป็นเว็บเครือค่าย10เว็บเราก็ชนะสบายดูรูปตัวอย่างจากเครื่องมือ
รับทำเว็บพนัน เปิดเว็บพนัน ออนไลน์ครบจบในที่เดียว
มีการจัดเก็บคุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของคุณให้ดียิ่งขึ้น การใช้งานเว็บไซต์นี้เป็นการยอมรับข้อกำหนดและยินยอมให้เราจัดเก็บคุ้กกี้ตามนโยบายคำชี้แจงสิทธิ์ส่วนบุคคลและคุกกี้ของเรา
เกี่ยวกับเราบริการของเราผลลัพธ์เทคโนโลยี แหล่งข้อมูลประเภทธุรกิจ ร่วมงานกับเรารับแผนการตลาดฟรี
SEO สายขาว สายเทา สายดำคืออะไร? ทำแบบไหนไม่ให้เว็บเสี่ยงโดนแบน!
SEO สายขาว สายเทา สายดำคือการทำ SEO แบบ Off-Page โดยการฝัง backlink จากเว็บไซต์ภายนอก เข้าสู่เว็บไซต์ของตัวเอง ในรูปแบบที่แตกต่างกันออกไป และเพื่อป้องกันไม่ให้กูเกิลแบนเว็บไซต์ของคุณ การทำ SEO สายขาวจึงเป็นวิธีที่เหมาะสมมากที่สุดในการทำ Off-Page SEO
การทำ Off-Page SEO ถือเป็นการทำการตลาดออนไลน์นอกเว็บไซต์ เพื่อให้มี traffic ย้อนกลับเข้ามายังเว็บไซต์ของคุณ ทำให้คุณสมบัติของเว็บคุณมีค่าสูงขึ้น และแสดงผลในเสิร์ชเอนจิ้นที่อันดับสูงขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งการทำ Backlinks นั้นก็เป็นอีกหนึ่งวิธีที่จะช่วยให้เว็บของคุณมีอันดับสูงขึ้นได้ โดยการทำ Backlinks นั้นยังแบ่งออกเป็นสามวิธีด้วยกัน นั่นก็คือ SEO สายขาว สายเทา และสายดำนั่นเอง
นักการตลาดออนไลน์หลายคนคงจะคุ้นเคยกับหมวกทั้งสามใบกันบ้างไม่มากก็น้อย วันนี้เราเลยอยากที่จะพาทุกคนไปดูกันว่า ในการทำ SEO ในแต่ละแบบมีความแตกต่างกันอย่างไร รวมถึงมีข้อดีและข้อควรระวังอย่างไรบ้าง และควรเลือกใช้งานรูปแบบไหนให้เหมาะสมกับในยุคปัจจุบัน
หลายคนอาจจะสงสัยว่าในเมื่อเป็นการทำ Off-Page SEO ทั้งหมด แล้วทำไมถึงมีการแยกตามสีให้เกิดความแตกต่าง ซึ่งความแตกต่างของสีที่ว่านี้ เป็นวิธีในการทำบทความ ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบของงานเขียน วิธีการสร้าง Backlink ไปจนถึงเว็บไซต์ที่นำบทความไปลงเพื่อดึง Traffic กลับมายังเว็บไซต์ของคุณ เป็นต้น
SEO สายขาว (WHITE HAT SEO)
SEO สายขาว คือ การทำ Off-Page SEO ที่อยู่ภายใต้กฎและกติกาของ Google ตาม Google Guideline เพื่อให้เว็บไซต์มีคุณภาพ โดยการทำ SEO ในรูปแบบนี้ จะเน้นที่คุณภาพของเว็บไซต์เป็นหลัก เพื่อสร้างเนื้อหาเว็บไซต์ที่มีคุณภาพ ให้ผู้อ่านสามารถอ่านได้อย่างง่ายดาย และช่วยให้ Google Bot สามารถอ่านเว็บไซต์ได้ง่ายขึ้น อีกทั้งยังมีเนื้อหาที่น่าสนใจ ตอบโจทย์ผู้อ่านได้อย่างดี ที่สำคัญก็คือ Backlink ต้องมีคุณภาพ บนเว็บไซต์ที่มีความน่าเชื่อถือสูง เพื่อช่วยให้หน้าเว็บของคุณมีอันดับที่ดีขึ้นบนหน้าเสิร์ชเอนจิ้น
ข้อดี และข้อควรระวัง
เนื้อหาของบทความไม่ซ้ำกับเว็บไซต์ใด ๆ (แม้กระทั่งเว็บไซต์ของคุณเอง) ต้องเป็นบทความที่เขียนขึ้นมาใหม่ มีประโยชน์ต่อผู้อ่าน มีความเป็นธรรมชาติ
ควรทำการรีเสิร์ชคีย์เวิร์ดอย่างดี เนื่องจากคีย์เวิร์ดยังเป็นสิ่งสำคัญในการทำคอนเทนต์บนหน้าเว็บไซต์ เพื่อช่วยให้ผู้ค้นหาสามารถเสิร์ชเจอเนื้อหาของเรา
ควรที่จะต้องเลือกเว็บไซต์ในการสร้าง Backlink ที่มีความน่าเชื่อถือ เป็นลิงก์ที่เกิดขึ้นอย่างธรรมชาติ มีเนื้อหาในหมวดหมู่เดียวกันกับบทความที่จะนำไปลง เมื่อนำบทความไปลงพร้อม Backlink ก็จะช่วยทำให้อันดับเว็บไซต์ของคุณเลื่อนขึ้นไปเป็นอันดับที่ดีบนหน้าเสิร์ชเอนจิ้น
ควรที่จะต้องเขียนบทความโดยเน้นผู้อ่านบนโทรศัพท์มือถือเป็นหลัก (Mobile Friendly)
ไม่ควรเป็นลิงก์ที่เกิดจากโปรแกรมอัตโนมัติหรือหุ่นยนต์ในการสร้างโพสต์บนเว็บไซต์
ไม่ควรทำ Spam Keyword หรือใส่คีย์เวิร์ดจำนวนมากบนหน้าเว็บไซต์ ทั้งการใส่เป็นตัวอักษรเล็ก ๆ เปลี่ยนเป็นสีขาวหรือสีเดียวกับพื้นหลังเว็บ ไปจนถึงการเขียนบทความที่มีแต่คีย์เวิร์ดวนไปวนมา
ไม่ควรนำบทความบนเว็บไซต์อื่นมาเข้าโปรแกรม Content Spinning ที่มีการปรับการเขียนให้มีเนื้อหาที่ไม่ซ้ำโดยไม่ต้องเขียนขึ้นมาใหม่ นอกจากจะผิดลิขสิทธิ์แล้ว ยังจะทำให้เว็บไซต์ถูกแบนได้อีกด้วย
SEO สายพนัน Black Hat SEO
SEO ดำ (BLACK HAT SEO)
SEO สายพนัน คือการทำ SEO โดยใช้เทคนิคที่ไม่ได้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ของ Google ทำในสิ่งที่ Google ไม่ได้แนะนำและห้ามทำด้วย การทำ SEO สายดำ ถือเป็นการทำงานที่ใช้ประโยชน์จากช่องโหว่ของอัลกอริทึมของกูเกิล มักจะเน้นการเก็บข้อมูลของบอทมากกว่าการตอบโจทย์ผู้อ่านโดยตรง ทำให้อันดับของเว็บไซต์เลื่อนขึ้นอย่างรวดเร็วกว่าการทำ SEO สายขาว แต่มีความเสี่ยงที่จะถูกกูเกิลจับได้ และโดนลงโทษ ทำให้หน้าเพจนั้นไม่แสดงผล หรืออันดับตก หรือโดนแบนจากการค้นหา เนื่องจากอัลกอริทึมของกูเกิลมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง เพื่อป้องกัน Blackhat SEO และช่วยให้ผู้ใช้สามารถเข้าถึงเนื้อหาได้อย่างดีที่สุด
วิธีการทำ Blackhat SEO
การทำ Cloaking เป็นการการซ่อนและแสดงเนื้อหาหลายเวอร์ชั่น ซึ่งจะแสดงเนื้อหาคอนเทนต์บนเว็บไซต์ให้ผู้อ่านเห็นแบบหนึ่ง และให้บอทเห็นอีกแบบหนึ่ง
การทำ Keyword Stuffing ทำคอนเทนต์โดยใส่คีย์เวิร์ดซ้ำ ไม่มีคุณภาพ ไม่เป็นธรรมชาติ มีแต่การอัดคีย์เวิร์ด เพื่อให้บอทเก็บข้อมูล แต่ไม่ให้ประโยชน์แก่ผู้อ่าน
การทำ Spam Link เป็นการสร้างลิงก์ที่ไม่มีคุณภาพให้ลิงก์กลับมายังเว็บไซต์ ไม่ว่าจะเป็นลิงก์จากเว็บเสีย หรือลิงก์จากโปรแกรม ที่สามารถทำได้เยอะ ทำได้รวดเร็ว
บทลงโทษของ Google (Google Penalty)
หากมีการทำผิดกฎหรือหลักเกณฑ์ของ Google ก็จะถูกลงโทษจากการทำผิดนั้น ๆ ซึ่งบทลงโทษที่ใช้จะขึ้นอยู่กับว่ามีการปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ของผู้ดูแลเว็บมากน้อยแค่ไหน (Google Webmaster Guidelines) เช่น
โดนตัดคะแนนเว็บ
อันดับของหน้าเพจตกลงจากอันดับเดิม
หน้าเพจไม่แสดงผลบนเสิร์ชเอนจิ้นโดนแบน
SEO สายเทา (GREY HAT SEO)
เป็นการทำแบบถูกต้องตามหลักการ ทำเว็บลูก10เว็บ แล้วลิงค์มาที่เว็บเป้าหมาย แค่นี้ก็ชนะสบาย
keyboard_arrow_left
ธุรกิจ B2B คืออะไร แตกต่างจากธุรกิจ B2C และ B2B2C อย่างไร?
การตลาดแบบ B2B ที่นักธุรกิจยุคดิจิทัลไม่รู้ไม่ได้!
keyboard_arrow_right
Search…
No result
บทความล่าสุด
เทียบให้เห็นกันชัด ๆ จ้างทำ SEO หรือทำด้วยตัวเองดีกว่ากัน
Hyper-Personalization เทคนิคที่ช่วยให้เข้าใจลูกค้าแบบขั้นสุด
Facebook Insight คืออะไร ช่วยวางแผนการตลาดออนไลน์ได้อย่างไร
Multi-Channel Marketing คืออะไร ตัวช่วยให้ ROI เพิ่มขึ้น
Music Marketing คืออะไร การตลาดผ่านเสียงดนตรีที่ชวนจดจำ
รับแผนการตลาดฟรี
รับไอเดียการตลาดใหม่ ๆ
ที่ดีกว่าที่เคย มากกว่า 7 แนวทาง
เวลาทำการ
จันทร์ 09:00am – 06:00pm
อังคาร 09:00am – 06:00pm
พุธ 09:00am – 06:00pm
พฤหัสบดี 09:00am – 06:00pm
ศุกร์ 09:00am – 06:00pm
ได้เปรียบด้านการเจรจาต่อรองมากยิ่งขึ้น เมื่อคุณทำงานกับเอเจนซี่ติดอันดับ 3% สูงสุด
Primal™ ได้รับการจัดอันดับให้เป็นหน่วยงานอันดับ 3% สูงสุด โดยเครือข่าย Premier Partner ทำให้เราได้รับสิทธิ์สุดเอ็กซ์คลูซีฟก่อนเจ้าอื่น เช่น การเข้าถึงผลิตภัณฑ์สื่อที่เข้าสู่ตลาดเป็นรายแรก ๆ เข้าถึงแผนการทำงานร่วมกัน ได้ทดลองใช้สินค้าเบต้าก่อนคนอื่น อีกทั้งได้รับข้อมูลเชิงลึก ซึ่งทำให้เราสามารถช่วยให้คุณฉีกตัวนำหน้าคู่แข่งพร้อมขยายธุรกิจได้อย่างก้าวกระโดด
สำหรับท่านที่มีพื้นฐานด้านการตลาดออนไลน์ ท่านคงจะเคยได้ยินคำว่า SEO สายขาว, SEO สายเทา และ SEO สายดำกันมาบ้าง เรามาดูกันว่า “การทำ SEO” แต่ละแบบมีความแตกต่างกันอย่างไร และเราควรเลือก ”ทำ SEO” แบบไหนยุคปัจจุบัน
ในเบื้องต้นเรามาทำความรู้จักรายละเอียดของการทำ SEO แต่ละประเภทกันก่อน เพื่อที่ท่านจะได้ มีความเข้าใจ และสามารถเลือก “แทกติก” ในการทำ SEO ได้อย่างเหมาะสมกับธุรกิจของท่าน
SEO สายขาว คือ การทำ SEO ทำอยู่ภายใต้ กฎ กติกาของ Google ทุกประการ หรือที่เราเรียกกันว่า Google Guideline นั่นเอง เช่น ห้าม copy เนื้อหาของเว็บไซต์อื่นมาลงเว็บไซต์เรา, ห้ามใช้โปรแกรมเขียนบทความจนบทความอ่านไม่รู้เรื่อง, ห้ามสร้าง backlink แบบผิดธรรมชาติ เป็นต้น ซึ่งการทำ SEO สายขาวนี้ จะเน้นไปที่ “คุณภาพ” ของเว็บไซต์ เช่น
การสร้างเนื้อหาเว็บไซต์ที่มีคุณภาพ รองรับการทำงานทั้ง Google bot และ User Friendly
การ Optimize Coding ซึ่งจะทำให้ Google bot อ่านเว็บไซต์ของท่านได้ง่ายขึ้น
การสร้าง Backlink ที่มีคุณภาพ โดยการกระจายเนื้อหา ไปบนเว็บไซต์ที่มีคะแนนความน่าเชื่อถือสูง ( High Domain Authority ) ซึ่งจะช่วยทำให้ ranking เว็บไซต์ของท่านดีขึ้น และปลอดภัยจากการถูกแบน
การเขียนบทความด้วย SEO Article ซึ่งทำจะให้เว็บไซต์ของท่านมีเนื้อหาที่น่าสนใจมากขึ้นและ การเขียนบทความ SEO ยังช่วยเพิ่ม Organic traffic ให้กับเว็บไซต์ของท่านได้อีกด้วย
การทำ SEO สายขาว ถึงแม้ว่าจะใช้ระยะเวลาบ้างตามสมควร แต่การทำ SEO สายขาว จะดีต่อเว็บไซต์ และแบรนด์ของท่านเป็นอย่างมากในระยะยาว
SEO สายเทา คือ การทำ SEO ในอุตสาหกรรมที่ไม่สามารถทำ SEO สายขาวได้ เช่น เว็บไซต์ผิดกฎหมาย, เว็บพนัน, เว็บที่ขายสินค้าผิดกฎหมายเป็นต้น เนื่องจากเว็บไซต์เหล่านี้ไม่สามารถสร้าง Backlink บนเว็บทั่วไปได้ จึงต้องใช้เทคนิคอื่น ๆ ในการทำ backlink เช่น การสร้าง PBN, การ Redirect, การ SPAM เนื้อหา รวมไปถึงการ Hack เว็บไซต์อื่นมาทำ Backlink นั่นเอง การทำ SEO สายเทา อาจหลบเลี่ยง Google Algorithm ได้ในระยะเวลาหนึ่ง แต่ถ้าหาก Google มีการปรับปรุง Algorithm ก็อาจทำให้เว็บไซต์ของท่าน อันดับลดลง Organic Traffic ลดลง หรือแย่จนถึงขั้นถูกแบนได้
SEP สายดำ คือการทำ SEO ที่จะหาช่องทาง “โกง” Google อย่างเต็มรูปแบบ เช่น การใช้โปรแกรมสร้าง Backlink จำนวนมาก, การ copy เนื้อหา, การสร้างเนื้อหาโดยใช้โปรแกรม เป็นต้น โดย SEO สายดำนั้นจะเห็นผลได้ในระยะสั้น ซึ่งสุดท้ายแล้วเว็บไซต์ของท่านก็จะโดน Google แบนอย่างแน่นอน เนื่องจาก Google ได้สร้าง Algorithm ออกมามากมายเพื่อป้องกัน Blackhat SEO และต้องการ User ได้เข้าถึงเนื้อหาที่ดีที่สุดนั่นเอง
ตอนนี้ท่านน่าจะพอทราบความแตกต่างของการทำ SEO ในแต่ละประเภทกันแล้ว ท่านคงพอที่จะทราบแนวทางว่าจะให้เว็บไซต์ของท่านไปในทิศทางใด หากท่านต้องการที่จะทำให้เว็บไซต์ และแบรนด์ของท่านมีคุณภาพที่ดีขึ้นในระยะยาว ทางเราขอแนะนำให้ท่าน “ทำ SEO สายขาว” เพื่อเพิ่มคุณภาพ และความน่าเชื่อถือให้กับเว็บไซต์ของท่านที่ดีต่อไป
หากท่านต้องการคำปรึกษาด้านการทำ SEO และการทำการตลาดออนไลน์ ท่านสามารถติดต่อเรา Relevant Audience ได้เลย ทางเรามีผู้เชี่ยวชาญคอยให้คำปรึกษาฟรี โทรศัพท์: 020385055
คนทำเว็บไซต์หลายคนที่เคยได้ยินเกี่ยวกับการทำ SEO มาก่อน ก็อาจจะคุ้นเคยกับการทำ SEO แบบสายขาวและแบบสายดำกันมาบ้างแล้ว
แต่ก็มีอีกหนึ่งกลยุทธ์เพื่อให้เว็บไซต์ได้รับการจัดอันดับที่ดี ที่เรียกว่า “SEO สายเทา” ซึ่งเป็นหนึ่งในการทำการตลาดสายเทาและเป็นอีกสายหนึ่งที่เกิดขึ้นจากการผสมเทคนิคของทั้งการทำ SEO สายขาวและสายดำเข้าด้วยกัน
เรามาดูกันว่ากลยุทธ์ในการทำ SEO สายเทาต่างจากสายอื่นอย่างไร? แท้จริงแล้ว SEO สายเทาคืออะไร? พร้อมวิธีทำแบบเซียนที่ปลอดภัยกับเว็บไซต์ และไม่ทำให้เว็บไซต์ถูกแบนจากการจัดอันดับการค้นหาได้
ในการทำ SEO Marketing หรือการทำให้หน้าเพจของเว็บไซต์สามารถติดอันดับการค้นหาบนหน้า Google ได้ จะมีกลยุทธ์ที่ควรทำและควรหลีกเลี่ยงในการทำ SEO แบ่งออกเป็น 2 แบบหลักๆ คือ
เป็นกลยุทธ์การทำ SEO ที่สอดคล้องไปกับข้อกำหนดและเงื่อนไขของ Google ด้วยการปรับแต่งหน้าเว็บไซต์ รวมถึงการรับ Backlink จากเว็บไซต์ที่มีคุณภาพ ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่ Google กำหนด เพื่อให้ติดอันดับการค้นหาได้อย่างถูกต้อง
ความแตกต่างระหว่าง SEO สายขาว และสายเทา
การทำ SEO สายเทาจะมีความเสี่ยงต่อเว็บไซต์มากกว่าการทำ SEO สายขาว เนื่องจากเทคนิคการทำแบบสายเทาบางอย่างมีความก้ำกึ่ง แต่ก็ไม่ได้ถูกกำหนดว่าผิดกฎการทำจาก Google แบบตรงๆ ซึ่งอาจมีผลทำให้เว็บถูกแบนหรือไม่ถูกแบนจากการจัดอันดับการค้นหาก็ได้
เป็นกลยุทธ์การทำ SEO แบบทำทุกวิถีทางที่ทำให้เว็บไซต์ได้รับการจัดอันดับที่รวดเร็ว โดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยและคุณภาพของเว็บไซต์ ด้วยวิธีการทำ SEO ที่ผิดไปจากหลักเกณฑ์ที่ทาง Google กำหนด ซึ่งจะถือว่าผิดกฎอย่างร้ายแรง ผลสุดท้ายจะทำให้เว็บไซต์ถูกแบนและไม่ถูกนำขึ้นแสดงบนหน้าค้นหาได้อีก
ซึ่งความจริงเป็นไปได้ยากมากตั้งแต่ทำมายังไม่เคยโดนแบน ก็ติดที่1ตลอดมา
ความแตกต่างระหว่าง SEO สายดำ และสายเทา
ในการทำ SEO สายเทานั้น เหมาะกับเว็บไซต์ SEO สายพนันโดยจะเลือกใช้เทคนิคการทำที่ไม่ผิดกฎของ Google แบบโดยตรง ทำให้โอกาสที่เว็บไซต์จะถูกแบนมีน้อยกว่าการทำแบบสายดำ นั่นจึงทำให้ SEO สายเทามีความน่าสนใจในการทำมากกว่า
สำหรับกลยุทธ์การทำ SEO ทั้งสายขาวและสายดำ จะมีความแตกต่างในวิธีการทำอย่างชัดเจน และในการทำ SEO สายดำเอง ก็เป็นวิธีการทำที่ต้องหลีกเลี่ยงอย่างที่สุด เพื่อป้องกันไม่ให้เว็บไซต์ถูกแบนจากการติดอันดับบนหน้าค้นหาของ Google
ไขข้อสงสัย การทำ Seo สายเทาคืออะไรกันแน่?
SEO สายเทา (Grey Hat SEO) คือ ลูกผสมระหว่างการทำ SEO สายขาวและสายดำเอาไว้ด้วยกันอย่างสมบูรณ์แบบ โดยถือว่ามีความเสี่ยงกว่าการทำ SEO สายขาว เนื่องจากมีวิธีการทำให้เว็บไซต์ติดอันดับการค้นหาที่รวดเร็วคล้ายกับสายดำ
แต่ในการทำ SEO สายเทา ก็มีโอกาสที่ทำให้เว็บไซต์อาจถูกแบน หรือไม่ถูกแบนจาก Google ก็ได้ เนื่องจากในบางเทคนิคของการทำ SEO สายเทานั้น ไม่ได้เข้าข่ายการข้อกำหนดการทำ SEO แบบสายขาวหรือสายดำที่ชัดเจน นั่นจึงทำให้การทำ SEO ด้วยวิธีนี้ถูกเรียกว่าสายสีเทานั่นเอง
หากเว็บไซต์ธุรกิจต้องการทำ SEO ในสายสีเทาดูบ้างจะสามารถทำได้หรือไม่?
คำตอบคือ สามารถทำได้ แต่ก็ต้องวางแผนกลยุทธ์การทำอย่างเข้มงวดเพื่อความปลอดภัยของเว็บไซต์
โดยการทำ SEO สายสีเทานี้ ไม่ใช่การทำให้ผิดกฎของ Google แบบสายดำ แต่เป็นการดึงเอาจุดเด่นของการทำแบบสายดำ ที่เน้นการเห็นผลได้ไวจากการทำ SEO และในขณะเดียวกันเว็บไซต์ของธุรกิจ ก็ยังสามารถติดอันดับการค้นหาได้ยาวนาน ยั่งยืน เหมือนกับการทำแบบสายขาวอีกด้วย
5 เทคนิคการทำ Seo สายเทาแบบเซียน เว็บไซต์ปลอดภัย
การเลือกซื้อโดเมนเว็บไซต์ที่หมดอายุแล้วมาใช้งานต่อ เป็นหนึ่งในเทคนิคการทำ SEO สายเทาที่ได้รับความนิยมมาก
สำหรับการซื้อโดเมนเว็บไซต์ที่หมดอายุมาใช้งาน โดยเฉพาะโดเมนที่มีประวัติดี มีความน่าเชื่อถือ เมื่อซื้อมาแล้วจะสามารถนำมาปรับปรุงเพื่อใช้สร้าง Backlink ให้กลับไปยังเว็บไซต์ธุรกิจที่ใช้งานอยู่ จึงช่วยเพิ่มคะแนนความน่าเชื่อถือให้กับเว็บไซต์ และยังทำให้เว็บไซต์ธุรกิจได้รับการจัดอันดับที่ดีในหน้าค้นหาได้เร็วขึ้น
เทคนิคการเลือกซื้อโดเมนที่หมดอายุมาใช้งาน
ในการเลือกซื้อโดเมนที่หมดอายุมาใช้งาน ไม่จำเป็นต้องกว้านซื้อในปริมาณมาก เพราะอาจไม่ได้ผลดีเสมอไป แต่ให้เลือกซื้อเฉพาะโดเมนที่ชื่อมีความเกี่ยวข้องกับธุรกิจ และมีประวัติการทำ Backlink ที่ใสสะอาด ไม่มีปัญหาเรื่องการถูกแบนมาใช้งาน เท่านี้ก็ช่วยให้เว็บไซต์หลักของธุรกิจได้รับคะแนนความน่าเชื่อถือมากขึ้นได้
โดยสิ่งที่ต้องดูก่อนการเลือกซื้อโดเมนที่หมดอายุมาใช้งาน ได้แก่
มองหาโดเมนที่มีอายุ 3 ปีขึ้นไป ยิ่งเคยผ่านการใช้งานมานานก็ยิ่งเหมือนมีความน่าเชื่อถือมาก เมื่อมีการส่ง Backlink ก็จะให้ผลดีต่อได้รับคะแนนนั่นเอง
มีประวัติการทำ Backlink ที่ใสสะอาด โดยใช้เครื่องมือเช็กดูว่าโดเมนนี้มีประวัติการทำ Backlink ที่ไร้แบบแผน มีทีท่าว่าเป็นสแปม หรือมีความไม่เกี่ยวข้องกับเว็บไซต์ของเราหรือไม่ (เครื่องมือที่สามารถใช้เช็กได้มีอยู่หลายตัว เช่น MOZ, Ahrefs, SEMRUSH)
หลีกเลี่ยงการซื้อโดเมนหมดอายุที่ใช้ภาษาต่างประเทศภายในเว็บไซต์ ในการทำ Backlink หรือ Anchor text ต่างๆ ที่ Google อ่านไม่ได้ เช่น ภาษาจีน ภาษารัสเซีย หรืออื่นๆ ทางที่ดีที่สุดให้เลือกโดเมนที่เคยใช้ภาษาไทย หรือภาษาอังกฤษภายในเว็บไซต์จะดีที่สุด
การเพิ่มความยาวในการทำคอนเทนต์ประเภทบทความบนเว็บไซต์ เป็นวิธีเดียวกันกับที่ใช้ในการทำ SEO สายขาว
โดยถ้าหากเว็บไซต์ไหนที่อยากทำ SEO สายเทา ก็ต้องอย่าลืมการทำบทความที่มีเนื้อหาคุณภาพเกี่ยวข้องกับธุรกิจ ตอบโจทย์ลูกค้าที่ต้องการข้อมูล รวมถึงการทำ Focus Keyword ให้กับบทความนั้นด้วย
ทั้งนี้ต้องใส่ใจในเรื่องของความยาวบทความด้วย เนื่องจาก Google จะมองว่าข้อมูลที่อยู่ในบทความ ยิ่งมีความยาว ก็จะยิ่งให้ประโยชน์กับผู้ที่คลิกเข้ามาอ่าน โดยความยาวของบทความที่เป็นภาษาไทยให้มีมากกว่า 1,500 คำ ก็จะยิ่งเพิ่มโอกาสให้ติดอันดับการค้นหาที่ดีขึ้นได้
บทความที่ยาวให้ประโยชน์ต่อเว็บไซต์อย่างไรบ้าง?
บทความยิ่งยาวมาก ยิ่งมีเนื้อหาที่ละเอียด เจาะลึก มีประเด็นมากขึ้น ทำให้บทความบนเว็บเรามีคุณภาพที่อยู่เหนือคู่แข่ง
ความยาวของบทความทำให้เราสามารถดึงดูดให้ได้รับ Backlink กลับมาได้มากขึ้น แต่เนื้อหาบทความก็ต้องมีคุณภาพด้วย
บทความยาว เนื้อหามีประโยชน์ เมื่อมีการนำไปเผยแพร่บนโซเชียลมีเดีย ก็จะเพิ่มโอกาสให้ถูกแชร์ต่อได้มากขึ้น
และไม่เพียงแต่การนำไปปรับใช้กับการทำบทความใหม่ๆ เท่านั้น แต่บทความเก่าๆ ที่อยู่บนเว็บไซต์ก็ต้องปรับปรุงให้มีความยาวเพิ่มขึ้น รวมถึงการอัปเดตเนื้อหาให้มีความสดใหม่ด้วย
จะเพิ่มความยาวให้กับเนื้อหาได้ยังไงบ้าง?
เจ้าของเว็บไซต์หลายคนน่าจะเคยเจอกับปัญหาการเขียนไม่ออก หรือมีไอเดียในการเขียนบทความให้มีความยาวที่น้อย จึงทำให้บทความที่เขียนเสร็จออกมามีความยาวไม่ถึงเป้าที่ตั้งไว้
มาดูกันว่ามีวิธีไหนบ้างที่พอจะช่วยให้บทความบนเว็บไซต์มีความยาวเพิ่มขึ้นได้
โดยก่อนที่จะเริ่มเขียนให้ตั้งคำถามกับตัวเองก่อนว่า จะเขียนบทความนี้ไปเพื่ออะไร? เพื่อให้ได้รับผู้ติดตามมากขึ้น, เพื่อขายสินค้า / บริการ หรือเพื่อให้มีคนเจอเว็บไซต์ของเราได้มากขึ้นผ่านการค้นหาบน Google
เมื่อรู้แล้วว่าเป้าหมายของบทความนี้คืออะไร ก็จะพอช่วยให้เห็นวิธีการเล่าเนื้อหาภายในบทความแล้วว่าต้องใช้ระดับการเล่าแบบไหน ใครจะอ่านบ้าง ต้องใส่ข้อมูลอะไรบ้าง รวมถึงวิธีการวัดผลของการทำบทความนี้ ว่าเป็นไปตามที่วางแผนเอาไว้หรือไม่
วิธีการที่ง่ายที่สุด คือ การใช้ Google Analytics ดูว่าบทความเก่าๆ บนเว็บไซต์อันไหนบ้างที่ได้รับ Traffic ดีที่มาจากหน้าค้นหาของ Google จากนั้น ให้เอาบทความเหล่านั้นมาอัปเดตข้อมูลให้มีความสดใหม่ เพิ่มประเด็นการเล่า เพิ่มความยาวของเนื้อหา ปรับแต่ง Keyword รวมถึงการใส่ภาพประกอบร่วมด้วย
บทความจะมีเนื้อหาคุณภาพและมีความยาวตามที่ตั้งใจเอาไว้ จะต้องมาจากการให้เวลากับการหาข้อมูลเป็นจำนวนมาก และค่อยๆ ทำความเข้าใจในเนื้อหาทั้งหมดก่อน ก็จะช่วยให้คุณเห็นแล้วว่าประเด็นที่จะเล่าในบทความนั้นมีอะไรบ้าง
จากนั้นลิสต์เป็น Outline มาว่าในบทความจะมีหัวข้อใหญ่ หัวข้อย่อยอะไรบ้าง ก็จะช่วยให้เห็นภาพรวมเบื้องต้นแล้วว่าบทความจะมีความยาวเพียงพอหรือไม่ ถ้ายาวไปก็อาจตัดเนื้อหาออกได้ หรือสั้นไปก็อาจหาประเด็นเพิ่มเข้าไปได้
การทำ Link Building เป็นกลยุทธ์ในการทำให้เว็บไซต์ของธุรกิจได้รับ Backlink มาจากเว็บไซต์อื่นที่น่าเชื่อถือ โดยการเลือกใช้งานเว็บไซต์ที่เป็น Web 2.0 เพื่อสร้าง Backlink กลับไปยังเว็บหลักของธุรกิจ จะเป็นวิธีการทำ SEO สายเทาที่เห็นผลได้ค่อนข้างดี
สำหรับ Web 2.0 คือ เว็บไซต์ที่เปิดให้มีการแบ่งปันข้อมูลของผู้ใช้งานได้ เช่น บล็อก โซเชียลมีเดีย วิกิพีเดีย โดยจะมีลักษณะเด่นที่เห็นได้ชัดเจน เช่น สามารถหาข้อมูลจากคีย์เวิร์ดได้, ใส่ Link ให้เชื่อมไปยังเว็บอื่นได้, ผู้ใช้งานสามารถเข้ามาสร้างหรือแก้ไขข้อมูลร่วมกันได้, มีการจัดหมวดหมู่ด้วย Tag
ภาพความแตกต่างระหว่าง Web 1.0 vs Web 2.0
ขอบคุณรูปภาพจาก znetlive.com
การใช้งาน Web 2.0 มีประโยชน์ต่อ SEO สายเทาอย่างไร?
การเลือกใช้งานเว็บไซต์ที่เป็น Web 2.0 เพื่อสร้างเนื้อหาและทำ Backlink กลับไปยังเว็บหลักของธุรกิจ จะเป็นผลดีต่อการได้รับคะแนนของเว็บไซต์ แต่ทั้งนี้ลิงก์ที่ได้รับจาก Web 2.0 ส่วนใหญ่จะเป็นแบบ NoFollow แต่ก็จะช่วยให้ประวัติการได้รับ Backlink มีความหลากหลายยิ่งขึ้น
หากเลือกแพลตฟอร์ม Web 2.0 ที่ผู้ใช้งานมีความสนใจในธุรกิจของคุณเป็นจำนวนมาก ก็จะมีโอกาสที่จะได้รับ Traffic คุณภาพเข้าสู่เว็บไซต์ได้มากขึ้น
PBN (Private Blog Network) หรือเว็บไซต์เครือข่ายส่วนตัว เป็นหนึ่งในกลยุทธ์การทำ Backlink ไม่ว่าจะเป็นสายขาวหรือ Backlink สายเทา เพื่อเพิ่มเครดิตที่ดีให้กับเว็บไซต์หลักได้เร็วยิ่งขึ้น ด้วยการเป็นเจ้าของเว็บไซต์บล็อกหลายๆ เว็บ ที่แยกออกมาจากเว็บไซต์หลัก แล้วทำลิงก์ส่งกลับไปที่เว็บธุรกิจ
แบบนี้ถือว่าเป็น SEO สายดำหรือไม่?
จริงๆ แล้วการทำ PBN จะมีความก้ำกึ่งระหว่าง SEO สายดำและสายเทา ซึ่งถ้าหาก PBN ที่สร้างขึ้นมานั้นมีการคัดลอกคัดลอกเนื้อหา สร้างเนื้อหาซ้ำ หรือทำ Backlink ที่ไม่เกี่ยวข้องกับเนื้อหาในนั้น แน่นอนว่าแบบนี้จะเป็นสายดำแน่นอน
แต่ถ้าหากจะทำ PBN ให้เป็นแบบ SEO สายเทา เนื้อหาต่างๆ ที่อยู่ใน PBN จะต้องเขียนขึ้นมาใหม่ มีความเกี่ยวข้องกับเว็บไซต์หลักที่จะทำ Backlink กลับไปให้ ก็จะไม่ถือว่าผิดกฎของ Google โดยตรง
สำหรับการทำ PBN จะต้องใช้ต้นทุนที่สูงมาก เนื่องจากต้องใช้เว็บเครือข่ายจำนวนหนึ่งในการสร้างเครดิตให้กับเว็บหลัก ทำให้อาจต้องเสียค่าใช้จ่ายจำนวนมากไปทั้งกับการทำคอนเทนต์ หรือเช่าพื้นที่บนเว็บเครือข่ายอื่นๆ
การสร้าง Microsite ก็เป็นอีกหนึ่งวิธีที่คล้ายกับการสร้าง PBN โดยจะเป็นเว็บไซต์ขนาดเล็กที่มีวัตถุประสงค์ที่ชัดเจน เช่น โปรโมทสินค้า/บริการ โปรโมทแคมเปญของธุรกิจ
สำหรับการสร้าง Microsite เพื่อทำ Backlink ส่งกลับไปให้เว็บไซต์หลักของธุรกิจ หากทำออกมาได้ถูกทิศทาง จะช่วยให้ Google มองเห็นและจัดอันดับ Microsite ได้ดียิ่งขึ้น และยังเป็นเว็บที่ช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือให้กับ Backlink ได้ โดยที่ไม่ผิดกฎของ Google เลย
จะทำ Microsite อย่างให้เห็นผลต่อเว็บหลัก?
หากคุณยังนึกภาพไม่ออกว่า Microsite เป็นอย่างไร สามารถดูได้จากตัวอย่างการทำ Microsite ที่ประสบความสำเร็จ
ไม่สร้างเนื้อหาซ้ำ หรือคัดลอกเนื้อหา
เลือกใช้ Hosting สำหรับ Microsite ที่โหลดเร็ว น่าเชื่อถือ และมีความปลอดภัย
อย่าสร้าง Microsite หลายอัน ทางที่ดีเลือกสร้างเพียงแค่ 1 เว็บ แล้วปรับแต่งให้ดีที่สุด เพื่อให้ติดอันดับบนหน้าค้นหาได้เร็วขึ้น
สรุปเนื้อหาการทำ SEO สายเทา
แม้ว่า SEO สายเทาจะดูมีความน่าสนใจในการนำมาใช้กับเว็บไซต์ เพื่อให้ติดอันดับที่ดีได้เร็ว แต่รูปแบบการทำ SEO ที่ดีที่สุด ก็ยังเป็นการทำ SEO สายขาว เนื่องจากเป็นการปรับแต่งเว็บไซต์ให้ถูกต้องตามที่ Google แนะนำ
ซึ่งหากเว็บไซต์ธุรกิจของคุณจะเลือกใช้ SEO สายเทา ก็ต้องประเมินความเสี่ยงและวางแผนให้ดีก่อน เพราะหากเลือกใช้เทคนิคผิดประเภท ไม่ใช่แค่เว็บที่อาจถูกแบนจากหน้าค้นหาเท่านั้น แต่ยังเป็นการสร้างความเสียหายให้กับช่องทางทำเงินออนไลน์ของธุรกิจอีกด้วย
สนใจสร้าง Backlink คุณภาพระดับพรีเมียม Backlinks Monsters มีเทคนิคเฉพาะในการให้ บริการด้าน SEO ที่ได้รับการยืนยันจากลูกค้าแล้วว่าได้ผลจริง ติดต่อเพื่อสอบถามรายละเอียดกับเราได้ที่
SEO เป็นเว็บไซต์ของคนไทยที่ให้ บริการ รับทำ SEO สายขาว โปรโมทเว็บ ติดหน้าแรก Google และ รับทำ seo สายเทา ราคาแพงเพราะ ได้ผลจริง ในปัจจุบัน มีการแข่งขันในการตลาดสูงมาก ทำให้ผู้มีทุนน้อย มีโอกาสต่ำมากในการที่จะเอาชนะบริษัททุนใหญ่ อย่างเช่น ufabet168 หรือ pgslot นอกจากนี้แล้วเว็บไซต์ใหม่ๆเปิดขึ้นมาอย่างกับดอกเห็ด ไม่รู้ช่องทางการทำตลาดที่ถูกต้อง จึงเสียเงินเปล่าไปกับการหาลูกค้ามากมายจากการโฆษณาและการยิงแอด บางคนก็กำลังหา บริษัท รับทำ SEO ในกรุงเทพ แต่ไม่พบเจอ
เรามองเห็นถึงปัญหานี้และต้องการช่วยทุกคนที่ต้องการทำการตลาดแบบยั่งยืน ประหยัด และได้ผลจริง ตรงตามกลุ่มเป้าหมาย ด้วย Algorithms ของ Search Engine ยักษ์ใหญ่ระดับโลกอย่าง Google ที่เปิดโอกาสให้ลูกค้าใช้ Keyword ในการค้นหาและพบเจอกับบริษัทของคุณ SEO ไม่ได้มีแค่ บริการ รับทำ SEO แต่ยังเป็นศูนย์รวมของแหล่งความรู้เกี่ยวกับ Search Engine Results Pages (SERP) ที่จะทำให้ทุกท่านได้ความรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับการทำเว็บให้ ติดหน้าแรก Google โดยไม่ต้องเสียเงินค่าโฆษณา SEO เป็น SEO Agency ที่รับทำ SEO ให้เว็บไซต์ของคุณติดอันดับ Google ไม่ว่าจะอยากอยู่อันดับไหน เราก็สามารถทำ SEO ช่วยกระตุ้นยอดขาย ให้ลูกค้าเห็นคุณก่อนใคร